สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน …..
ผม “น.สพ.ภู่ภัทร แก้วยอดจันทร์” หรือจะเรียกว่า “คุณหมอภู่” ก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดครับ … บทความฉบับนี้เรียกได้ว่าเป็นฉบับปฐมฤกษ์ก็ว่าได้ (แม้ว่าจะไม่มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการก็เถอะ) ฉะนั้นจึงถือได้ว่าบทความต่อจากนี้ไป จะเป็นบทความที่พาทุกท่านก้าวไปกับเรา โรงพยาบาลสัตว์โอะไดจินิ มาร่วมกันดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงของท่านไปพร้อมๆกันเลยนะครับ
เรามาเริ่มต้นบทความครั้งแรกด้วยเรื่องง่ายๆแต่จำเป็น นั่นก็คือ การเตรียมตัวสัตว์เลี้ยงของท่านก่อนมาพบคุณหมอ … คงมีหลายท่านที่นำเจ้าตัวยุ่งมาหาหมอแล้วพบปัญหา … อึเลอะเทอะ หรือ กลัวจนตัวสั่น หรือ มาแล้วไม่สามารถตอบคำถามบางอย่างกับคุณหมอได้ !!??!! เห็นมั้ยครับว่า การเตรียมตัวสัตว์ก่อนพามาหาหมอนั้น สำคัญเหมือนกันนะ เอาละครับ เรามาเริ่มกันเล้ยยยย !!!
- ผู้ที่พาสัตว์เลี้ยงมาหาหมอ ควรเป็นผู้เลี้ยงที่ใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงที่สุด และ ควรเป็นผู้ที่สามารถตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้เพื่อประโยชน์การซักประวัติและรักษาของคุณหมอ … ในหลายครั้งตัวหมอเองเจอผู้ที่พาน้องมาหาหมอ แต่กลับไม่ใช่ผู้ที่เลี้ยงอย่างใกล้ชิด เมื่อหมอซักประวัติลงลึกทำให้ได้คำตอบที่ไม่ถูกต้อง หรือตอบไม่ได้ ซึ่งจุดนี้ส่งผลต่อการวินิจฉัยเป็นอย่างมากครับ
- ควรพาเค้าขับถ่ายเสียให้เรียบร้อยเสียก่อน และหากใกล้เวลามื้ออาหาร ควรทานอาหารมานานอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมงก่อนออกมาพบสัตวแพทย์ เนื่องจากสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขนั้นเมื่อมีอาการตื่นเต้นอาจทำให้ขับถ่ายเลอะเทอะระหว่างเดินทางหรือขณะที่คุณหมอกำลังตรวจได้ ส่วนการเว้นระยะ 4-6 ชั่วโมงหลังทานอาหารนั้นเพื่อประโยชน์ในการเดินทาง เพราะสุนัขบางตัวอาจมีอาการเมารถอาเจียนได้ นอกจากนี้การอดอาหารก่อนมาหาหมอยังมีประโยชน์ในกรณีที่คุณหมอจำเป็นต้องเจาะเลือดตรวจ ทำให้ค่าเลือดที่ได้แม่นยำมากกว่าการไม่ได้อดอาหาร
- ควรนำของเล่นหรือของที่เค้าคุ้นเคยติดมาด้วย เพื่อทำให้เค้าอุ่นใจ และลดความกังวล หรือหวาดกลัวในขณะเดินทาง และขณะที่อยู่ที่โรงพยาบาล
- อาจพกขนมขบเคี้ยวชิ้นเล็กๆติดตัวมาด้วยจำนวนหนึ่ง เพื่อให้เป็นรางวัลหลังจากได้รับการตรวจรักษา ทำให้สร้างความคุ้นเคยกับการถูกพามาโรงพยาบาล และลดความหวาดกลัวการมาโรงพยาบาลลงได้ … แต่ข้อนี้มีข้อแม้ว่าสัตว์เลี้ยงต้องไม่ป่วยหนักจนทานอาหารไม่ได้ หรืออยู่ในช่วงที่จะต้องได้รับการควบคุมอาหารนะครับ
- การเตรียมตัว ก่อนพาเจ้าตัวยุ่งของท่านมาพบสัตวแพทย์ ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปเลยใช่มั้ยล่ะครับ จริงๆ แล้วอาจงดเว้นได้ เช่น ในกรณีฉุกเฉิน หรือป่วยหนักจนไม่มีเวลาเตรียมตัว แต่สามารถทำได้ในกรณี เช่น นำมาตรวจสุขภาพ หรือ นำมาฉีดวัคซีน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ทั้งต่อตัวสัตว์เลี้ยง ตัวเจ้าของ และสัตวแพทย์ เพื่อช่วยให้การวินิจฉัยและรักษาเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำที่สุดครับ
สำหรับฉบับนี้ หมอภู่ คงต้องลากันไปก่อน .. พบกันใหม่ในฉบับหน้านะครับ .. โอะไดจินินะครับ ^^