น้องสโนว์กับโรครูรั่วที่ผนังกั้นหัวใจห้องล่าง (Ventricular Septal Defect)
น้องสโนว์กับโรครูรั่วที่ผนังกั้นหัวใจห้องล่าง (Ventricular Septal Defect)
น้องสโนว์ สุนัขพันธุ์ Maltese
อายุ 6 เดือน เข้ามารับการรักษาอาการท้องเสียทั่วไป แต่หมอตรวจร่างกายเบื้องต้น พบเสียงหัวใจเต้นผิดปกติ (murmur) ซึ่งเสียงนี้ อาจพบได้ในลูกสุนัขสายพันธุ์ใหญ่และจะหายไปเองเมื่ออายุประมาณ 4 เดือน แต่ในรายที่มีความผิดปกติแต่กำเนิด หมอมักจะได้ยินเสียงดังกล่าวชัดเจน ในกรณีของน้องสโนว์ หมอจึงแนะนำให้ตรวจหัวใจอย่างละเอียดเพิ่มเติมจากการรักษาอาการท้องเสีย เช่น ถ่ายเอ็กซเรย์ช่องอก (X-ray) การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และการตรวจอัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiography) เป็นต้น
ตัวอย่างภาพความผิดปกติ จากการอัลตราซาวด์หัวใจ
คลินิกหัวใจ
หลังจากน้องสโนว์ได้รับการตรวจหัวใจอย่างละเอียด หมอวินิจฉัยว่าเป็น โรคผนังกั้นหัวใจห้องล่างรั่ว
(Ventricular Septal Defect : VSD)
ซึ่งเป็นความผิดปกติที่เป็นมาแต่กำเนิด เกิดจากความผิดปกติในการพัฒนาของหัวใจ ตั้งแต่น้องสโนว์ยังเป็นตัวอ่อนอยู่ในท้องแม่ ซึ่งปกติหัวใจจะแบ่งออกได้เป็นซีกซ้ายและซีกขวาบนล่างรวม 4 ห้อง โดยมีผนังกั้นหัวใจเป็นตัวแบ่ง สำหรับผนังที่กั้นระหว่างหัวใจห้องล่างซ้ายและห้องล่างขวานั้น มีชื่อเรียกว่า Interventricular Septum ซึ่งเมื่อมีการพัฒนาไม่สมบูรณ์ของผนังกั้นดังกล่าวจะทำให้เกิดรูรั่ว เลือดจากหัวใจห้องล่างซ้ายจะไหลเข้าสู่หัวใจห้องล่างขวาแทนที่จะจะถูกส่งไปส่วนต่างๆ ของร่างกายน้องสโนว์ ทำให้เลือดทั้งสองด้านซ้ายขวาไหลมารวมกัน ส่งผลกระทบให้เลือดไหลเข้าสู่ปอดมากขึ้น
และหัวใจทำงานหนักขึ้นตามมา
รูปแสดงทิศทางการไหลของเลือดในหัวใจปกติ (หัวใจด้านขวา จะอยู่ซ้ายมือเรา) คือ
เข้าหัวใจบนขวา RA >> ล่างขวา RV >> ไปฟอกที่ปอด PA >> กลับมาหัวใจบนซ้าย LA >> ไปล่างซ้าย LV >> ส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายสัตว์ AO
รูปแสดงหัวใจด้านขวาอยู่ฝั่งซ้าย สีน้ำเงิน คือ เลือดดำที่อยู่หัวใจซีกขวา และสีแดง คือ เลือดแดงหลังจากฟอกที่ปอดกลับมาแล้ว จากรูป พบว่า เลือดแดงไหลไปรวมกับเลือดดำ ผ่านรูรั่วที่ผนังหัวใจห้องล่าง (Ventricular Septal Defect)
สำหรับการรักษา ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
เพราะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงมาก ป้อนยาตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ หมั่นสังเกตอาการความผิดปกติ
เช่น หอบ เหนื่อยง่ายขึ้น ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีม่วงง่ายขึ้น ฯลฯ และพาสุนัขมาตรวจดูอาการตามนัดหมายสม่ำเสมอ
แม้ว่าโรคหัวใจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ถ้าได้รับการวินิจฉัยอย่างรวดเร็ว ก็จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของเจ้าตัวเล็กของเราให้ดีขึ้นได้ค่ะ ดังนั้น หากลูกสุนัขที่บ้านของเรา มีขนาดตัวเล็กกว่าปกติ ซึม มีอาการเป็นลมขณะวิ่ง หอบ เหนื่อยง่าย มีแนวโน้มว่าสุนัขของคุณอาจจะมีความผิดปกติของหัวใจตั้งแต่กำเนิดได้ ควรพามาตรวจกับสัตวแพทย์หัวใจ เพื่อได้รับการตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่ถูกต้อง อย่าลืมพาเจ้าตัวเล็กมาตรวจสุขภาพหัวใจกันนะคะ